BlogAdvertise01_Adblog01_Adblog01

อย่าใช้คำว่า #ช่วยเหลือสังคม มาใช้เป็นข้ออ้างทำตัวกร่างอยู่เหนือกฎหมาย

รถฉุกเฉินแม้เป็นรถที่ได้รับสิทธิ์พิเศษไม่ต้องปฏิบัติตาม พรบ. จราจรทางบก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่เหนือคนอื่นในสังคม

การขับรถฉุกเฉินต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อนำส่งคนเจ็บไปให้ถึงมือหมออย่างปลอดภัย ไม่ใช่พาไปหาพญายม หรือทำตัวเป็นมัจจุราชบนท้องถนนเสียเอง

แค่ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลหรือสาธารณะก็สามารถขับรถฉุกเฉินได้แล้วรึ? มันด้อยพัฒนาขนาดนั้นเลยนะประเทศสารขัณฑ์นี้ คนพวกนี้มีกฎหมายใดมารองรับการทำงาน มีความรับผิดชอบตามกฎหมายใดบ้าง หรืออยู่เหนือกฎหมาย ไม่มีกฎหมายใดครอบคลุมถึงคนกลุ่มนี้ จึงทำกร่างสร้างความเดือดร้อนให้สังคมได้ทุกเมื่อเชื่อวัน แค่สวมเสื้อฟอร์มที่ซื้อมา ก็อยู่เหนือกฎหมายแล้วอย่างนั้นรึ แม้ว่าต้นสังกัดจะอ้างว่าผ่านการอบรมแล้ว มีกฎหมายใดมารับรองคุณวุฒิต่างๆ ของพวกเหนือกฎหมายเหล่านี้หรือไม่ อย่างไร?

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศสารขัณฑ์ด้อยพัฒนานี้ ควรจะมีกฎหมายควบคุมพฤติกรรมเหนือกฎหมายบ้านเมืองของคนพวกนี้ ให้อยู่ในกฎเกณฑ์ ปฏิรูปจัดระเบียบเหมือนกับวินมอเตอร์ไซท์ รถตู้ รถทัวร์ ฯลฯ

หากคนพวกนี้พาคนเจ็บไปเสียชีวิต หรือทำให้คนตาย/เจ็บมากขึ้นใครจะรับผิดชอบ ถ้าตายญาติต้องไปเสียเงินหลายพันเป็นค่าไถ่ศพจากคนพวกนี้ ถ้าเจ็บก็ต้องรักษาเอง ถ้าพิการก็เป็นภาระของญาติ จะหาคนเหล่านี้รับผิดชอบได้สักคนหรือไม่ หรือเสร็จสิ้นภารกิจแล้วก็แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน พรุ่งนี้ก็มาทำกันใหม่ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

จะต้องให้คนไทยต้องเสี่ยงภัย เสี่ยงตายกับความคึกคะนองของพวกเหนือกฎหมายเหล่านี้ไปอีกนานสักเท่าไร

ในท้ายที่สุด คดีนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปว่า คนขับรถของมูลนิธิที่อายุเพียง 18 ปี พร้อมกับคนในรถฉุกเฉินล้วนมีอายุเพียงแค่ 18 ปีทั้งสิ้น มีความผิด ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ใดๆ เลย

——-

ขอขอบพระคุณเรื่องจากเฟสของ Namfon Namfom

ใส่ความเห็น